อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลสําหรับช่างภาพ

ถ่ายภาพ บันทึก และแชร์รูปถ่ายของคุณบนฮาร์ดไดรฟ์จาก Western Digital

ช่างภาพในปัจจุบันมีเครื่องมือดิจิทัลต่างๆ มากมายให้เลือกใช้เพื่อสร้างสรรค์คอนเทนต์ได้ง่ายขึ้น และได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน 

ไม่ว่าคุณจะเป็นช่างภาพมากประสบการณ์ หรือช่างภาพมือใหม่ บทความนี้จะครอบคลุมเครื่องมือต่างๆ เพื่อช่วยให้การทำงานของคุณง่ายขึ้นและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด สมมติว่าคุณได้เลือกกล้องดิจิทัลที่ดีสุดสำหรับความต้องการของคุณแล้ว และเราจะกล่าวถึงแต่อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลดิจิทัล วิธีการจัดการไลบรารีงานของคุณ การตัดต่อและปรับปรุงภาพ รวมถึงวิธีการจัดเก็บถาวรและแชร์ข้อมูลกับคนอื่นๆ เชิญมาสำรวจและตอบคำถามที่บรรดาช่างภาพมักพบเจอบ่อยๆ เช่น

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลสำหรับรูปถ่าย

พื้นที่จัดเก็บข้อมูลรูปถ่าย
ถ้าคุณสอบถามช่างภาพส่วนใหญ่ พวกเขาจะบอกว่าอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลความจุแค่ไหนก็ไม่เคยพอ นั่นก็เพราะช่างภาพต้องการเก็บรักษางานของตนไว้ให้ได้มากที่สุด และไม่ทิ้งภาพใดๆ ไปเลยแม้จะใช้งานแล้วก็ตาม นอกจากนี้ พวกเขายังต้องการสำรองข้อมูลผลงานของตนไว้สัก 2-3 ชุด เพื่อให้แน่ใจว่าภาพของพวกเขาจะได้รับการปกป้อง เผื่อในกรณีเกิดเหตุที่ไม่คาดคิด เช่น ไดรฟ์ขัดข้อง หรือเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้เสียหาย

HDD เป็นวิธีการจัดเก็บไฟล์จำนวนมากที่คุ้มค่าที่สุด เนื่องจากมีความจุมหาศาลให้เลือกได้ (สูงสุด 26 TB1 ในไดรฟ์เดียว) นอกจากนี้ ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ยังเหมาะมากสำหรับการเก็บถาวร เพราะออกแบบมาให้จัดเก็บข้อมูลได้อย่างน่าเชื่อถือมาเป็นระยะเวลานาน

ในขณะที่คุณจัดเก็บผลงานของคุณลงในไดรฟ์ต่างๆ ผลงานเหล่านี้ก็จะกลายเป็นที่เก็บถาวรในตัวเอง และคุณสามารถจัดระเบียบและจัดเก็บตามที่เห็นว่าเหมาะสม เมื่อคุณต้องการอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเพิ่มขึ้น คุณก็เพียงแค่ซื้ออุปกรณ์เหล่านี้เพิ่มหรือลบงานเก่าๆ ในอุปกรณ์เหล่านี้ทิ้งไป เพื่อรองรับงานใหม่ๆ หรือเก็บรักษาข้อมูลปัจจุบันของคุณในลักษณะของการสำรองข้อมูลทางกายภาพ นอกจากนี้ คุณอาจรวมไดรฟ์ “เล็กๆ” ทั้งหมดเข้าด้วยกันเป็นไดรฟ์ใหญ่เพียงไดรฟ์เดียวเพื่อให้ง่ายต่อการจัดระบบ

การถ่ายโอนและการสำรองข้อมูลสำหรับงานของคุณ

การ์ดหน่วยความจำที่ถอดออกได้ในกล้องถ่ายรูปของคุณ จะเริ่มมีข้อมูลมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อคุณถ่ายภาพ จำนวนรูปถ่ายที่คุณสามารถจัดเก็บได้นั้นขึ้นอยู่กับความละเอียดของภาพที่คุณตั้งค่าไว้ การใช้การตั้งค่าความละเอียดสูงสุดในกล้องของคุณจะใช้พื้นที่มากขึ้นเนื่องจากขนาดไฟล์จะใหญ่ขึ้นมาก

ช่างภาพมืออาชีพส่วนใหญ่ชอบถ่ายภาพแบบ RAW ที่ ระดับความละเอียดสูงมาก ซึ่งจะทำให้อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเต็มเร็ว จนในที่สุดการ์ดหน่วยความจำของคุณก็จะใช้งานเต็มระดับความจุที่มีอยู่ และต้องถ่ายโอนข้อมูลออกมา หรือลบบางไฟล์ทิ้งเพื่อให้มีพื้นที่สำหรับจัดเก็บภาพใหม่ๆ

ช่างภาพส่วนใหญ่จะต้องการดูผลงานของตนบนแล็ปท็อป แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน และตัดสินใจว่าจะเก็บภาพใดไว้ และลบภาพไหนทิ้งไป เมื่อคุณมีรูปถ่ายทั้งหมดที่ต้องการจะเก็บรักษาเอาไว้ครบแล้ว คุณอาจจะต้องการจัดเก็บรูปถ่ายเหล่านี้ไว้บนสื่อดิจิทัลที่เชื่อถือได้ ขณะเดียวกันก็ช่วยให้คุณสามารถตัดต่อและแชร์รูปถ่ายกับเพื่อนๆ ได้ ซึ่งทำได้หลายวิธีด้วยกันคือ

  • เก็บรักษารูปถ่ายที่คุณต้องการไว้ในการ์ดหน่วยความจำ ซึ่งกลายเป็นที่เก็บถาวร (คล้ายกับการเก็บฟิล์ม “เนกาทีฟ”) จากนั้นจึงใส่การ์ดหน่วยความจำเปล่าอันใหม่เข้าไปในกล้องของคุณเพื่อเริ่มถ่ายภาพอีกครั้ง
  • เลือกไดรฟ์แบบพกพา ที่จะช่วยให้คุณสามารถถ่ายโอนงานของคุณระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ เช่น จากแล็ปท็อปไปยังสตูดิโอของคุณ หรือโอนไปเก็บไว้ในเวิร์กสเตชันที่บ้าน
  • ไดรฟ์เดสก์ท็อปภายนอกมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่เทียบได้กับไดรฟ์แบบพกพา แต่อยู่ที่บ้านหรือที่สำนักงาน และมีความจุเพิ่มเติม
  • ใช้ ไดรฟ์ภายในสำหรับการตัดต่อได้เร็วกว่าไดรฟ์ภายนอก เลือกแล็ปท็อปหรือพีซีที่มีไดรฟ์ภายในที่รวดเร็ว หรืออัปเกรดอุปกรณ์ปัจจุบันของคุณที่มีไดรฟ์ภายในที่ทำงานเร็ว
  • อุปกรณ์ RAID แบบหลายไดรฟ์ซึ่งพกพาได้สำหรับการทำงานระยะไกล สะดวกรวดเร็วเมื่อคุณต้องจัดการกับข้อมูลมหาศาล เช่น รูปถ่ายที่มีความละเอียดสูงมาก หรือรูปถ่ายแบบ RAW
  • อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลในคลาวด์ จะช่วยให้คุณสามารถอัปโหลดรูปถ่ายไปไว้ในเซิร์ฟเวอร์ระยะไกลและคุณสามารถเข้าถึงไฟล์ต่างๆ ได้จากที่ใดก็ได้ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

ไดรฟ์จัดเก็บข้อมูลสําหรับช่างภาพ

ช่างภาพในปัจจุบันสามารถเลือกอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่มีฟอร์มแฟคเตอร์ ความจุ และความเร็วต่างๆ เรามาดูตัวอย่างอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลรูปถ่ายที่ดีเยี่ยมกัน

ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์แบบพกพา

ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์แบบพกพาเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมสูงเพราะใช้งานได้หลากหลาย และมีให้เลือกหลายขนาดความจุ ส่วนใหญ่จะเป็นแบบ HDD และมีอินเทอร์เฟซ USB ดังนั้น ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า USB รุ่นนั้นเหมาะสำหรับคอมพิวเตอร์ของคุณ

  • รุ่นที่ใช้กันบ่อยคือ USB 3.0
  • คอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ๆ มี USB-C หรือตัวเชื่อมต่อ Thunderbolt ที่มอบความเร็วที่เหนือกว่า USB 3.0

ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ภายนอก

ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์เดสก์ท็อป  เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมากสําหรับช่างภาพ โดยมอบพื้นที่จัดเก็บข้อมูลความจุสูงเพื่อสํารองข้อมูลและจัดการไฟล์ภาพ RAW ขนาดใหญ่และวิดีโอ 4K HDD สําหรับเดสก์ท็อปประสิทธิภาพสูงช่วยให้การถ่ายโอนไฟล์เป็นไปอย่างราบรื่น ขั้นตอนการตัดต่อที่มีประสิทธิภาพ และการปกป้องข้อมูลในระยะยาว

  • ความเร็วระดับมืออาชีพสูงสุด 1690 MB/s2
  • ความเร็วระดับผู้บริโภคสูงสุด 260 MB/s3

อุปกรณ์ RAID

อุปกรณ์ RAID จะเป็นการรวม HDD ตั้งแต่สองตัวขึ้นไปเข้าไว้ด้วยกันเพื่อให้ทำงานร่วมกันในกล่องที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ ทั้งนี้เพื่อให้ได้ความจุมหาศาลและเพิ่มความเร็ว โดยขึ้นอยู่กับการกำหนดค่า RAID ที่คุณเลือก

  • โดยทั่วไปมักจะติดตั้ง HDD ที่ปรับแต่งมาโดยเฉพาะซึ่งออกแบบมาเพื่อทำงานในสภาพแวดล้อม RAID ที่เปิดใช้งานตลอดเวลา

โซลูชันอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลรูปถ่ายออนไลน์สำหรับช่างภาพ

อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลออนไลน์เป็นตัวเลือกที่เหมาะอย่างยิ่งในแง่ของความจุและความยืดหยุ่น ต่อไปนี้เป็นองค์ประกอบบางส่วนที่ควรพิจารณา นั่นคือ

โซลูชันอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลออนไลน์

โซลูชันอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลออนไลน์, บริการคลาวด์ เช่น  Apple® iCloud®, Google Drive™ หรือ Microsoft OneDrive มักต้องเสียค่าใช้จ่ายรายเดือนสําหรับพื้นที่จัดเก็บข้อมูล เมื่อผู้ใช้ใช้ความจุเกินกว่าความจุเริ่มต้นที่กําหนดไว้ คุณสามารถอัปโหลดรูปถ่ายไปไว้ในเซิร์ฟเวอร์ระยะไกลและสามารถเข้าถึงจากที่ไหนก็ได้ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต 

NAS

ส่งเสริมการทำงานร่วมกันในทีมของคุณด้วยการติดตั้ง Network Attached Server (NAS หรือเซิร์ฟเวอร์ที่เชื่อมต่อเครือข่าย) ซึ่งเป็นอุปกรณ์แบบไดรฟ์เดียวหรือหลายไดรฟ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายในบ้านหรือที่สำนักงานของคุณ เพื่อให้ผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตสามารถเข้าถึงได้จากระยะไกลเมื่อมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต 

คุณสามารถอัปโหลด ตัดต่อ และแชร์รูปถ่ายและสื่ออื่นได้จากระยะไกล ในขณะที่ไฟล์ทั้งหมดยังคงอยู่ในที่เก็บออนไลน์เดียวซึ่งเข้าถึงจากที่ไหนก็ได้ ข้อดีของอุปกรณ์นี้ก็คือไม่มีค่าธรรมเนียมรายเดือน เนื่องจากการติดตั้งครั้งแรกจะกำหนดการเชื่อมต่อโดยใช้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณเอง

ขั้นตอนการจัดเก็บข้อมูลรูปถ่ายของช่างภาพ

1.     การตั้งค่ากล้องและการถ่ายภาพ

ขั้นตอนการทำงานของช่างภาพเริ่มต้นด้วยกล้องดิจิทัลที่มีคุณภาพดี คุณสามารถเลือกรูปแบบต่างๆ ได้ดังนี้

  • ช่างภาพส่วนใหญ่ชอบถ่ายในแบบ RAW รูปถ่าย RAW สามารถบีบอัดหรือยกเลิกการบีบอัด และใช้ข้อมูลทั้งหมดที่รวบรวมโดยเซนเซอร์ของกล้อง ดังนั้นรูปถ่ายจึงมีขนาดไฟล์ใหญ่กว่ารูปถ่าย jpeg อย่างมาก ภาพ RAW ต้องได้รับการตัดต่อและประมวลผลก่อนที่จะส่งออก เพื่อให้ช่างภาพสามารถควบคุมความสว่างของแสง สมดุลสี ความละเอียด และอื่นๆ ได้อย่างเต็มที่
  • JPEG เป็นรูปแบบที่ถูกบีบอัดซึ่งอาจไม่ต้องมีงานที่ต้องทำภายหลังการถ่ายทำ และช่างภาพมือสมัครเล่นใช้กันเป็นการทั่วไป คุณสามารถตั้งค่าล่วงหน้าของโปรไฟล์สี การบีบอัด ความละเอียดของภาพ และสมดุลของแสงขาว (White Balance) ที่จะใช้ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมที่สุด โดยไม่ต้องทำการตัดต่อภายหลังการถ่ายทำ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกล้องของคุณ

 

2.     ถ่ายโอนภาพไปไว้ที่อุปกรณ์อัจฉริยะหรือแล็ปท็อปของคุณ

มีหลายวิธีในการถ่ายโอนภาพไปยังสมาร์ทโฟน แล็ปท็อป หรือแท็บเล็ตของคุณ นั่นคือ

  • เชื่อมต่อการ์ดหน่วยความจำเข้ากับคอมพิวเตอร์ของคุณผ่านทางเครื่องอ่านการ์ดในตัว หรือใช้เครื่องอ่านการ์ดที่มี USB ซึ่งต่อกับพอร์ต USB ที่มีอยู่ จากนั้นต่อกล้องเข้ากับคอมพิวเตอร์ของคุณโดยตรงผ่านทางพอร์ต USB ที่มีอยู่
  • โดยขั้นแรก กล้องที่เปิดใช้งาน Wi-Fi จะเขียนภาพลงในการ์ดหน่วยความจำภายใน จากนั้นก็สามารถถ่ายโอนภาพไปไว้ที่เซิร์ฟเวอร์คลาวด์ หรืออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่เปิดใช้งาน Wi-Fi ได้โดยตรง หมายเหตุ: กล้องดิจิทัลไม่สามารถถ่ายภาพโดยไม่มีการ์ดหน่วยความจำได้
  • มีโปรแกรมต่างๆ เช่น Apple iPhoto, Google Photos™, Microsoft Photos หรือ Adobe®, Lightroom® (และอื่นๆ อีกมากมาย) ที่สามารถตั้งกระบวนการนี้ให้เป็นแบบอัตโนมัติ และช่วยเก็บรักษาไฟล์ของคุณไว้ให้เป็นระเบียบและติดแท็กอย่างเหมาะสม แอปพลิเคชันเหล่านี้จะย้ายข้อมูลอย่างปลอดภัย และจัดทำบันทึกข้อมูลเพื่อตรวจสอบยืนยันว่า แต่ละไฟล์ทำไว้สำเนาเรียบร้อยแล้วและไม่มีข้อผิดพลาด นอกจากนี้ มันยังทำงานต่อไปได้ (อย่างสะดวก) หากการถ่ายโอนถูกขัดจังหวะ 
  • ใช้ไดรฟ์แบบพกพาภายนอก ไดรฟ์เดสก์ท็อปภายนอก หรืออาร์เรย์ NAS ในการสำรองข้อมูลและเก็บรักษารูปถ่ายที่คุณต้องการจะเก็บไว้ถาวร การสำรองข้อมูลงานของคุณไปไว้ในอุปกรณ์อื่นแยกต่างหากเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันความสูญเสียหรือการลบทิ้งโดยไม่ตั้งใจ
  • ใช้อินเทอร์เฟซของคอมพิวเตอร์ของคุณเพื่อย้ายหรือคัดลอกไฟล์ที่ต้องการลงในอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่เชื่อมต่ออยู่ ขณะเดียวกันให้ลบรูปถ่ายที่ไม่ต้องการ เพื่อให้มีพื้นที่ว่างบนการ์ดสำหรับจัดเก็บรูปถ่ายใหม่ๆ 

3.     ตัดต่อและประมวลผลภาพ

เมื่อคุณถ่ายโอนภาพของคุณไปยังอุปกรณ์แล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้องตรวจสอบคุณภาพของภาพ ดูรูปถ่ายแต่ละใบและตัดต่อตามความจำเป็น แก้ไขสี รีทัช แก้ไขความสว่าง และอื่นๆ ด้วยเครื่องมือตัดต่อรูปถ่ายที่คุณชอบใช้ เช่น Apple Photos, Google Photos™, Microsoft Photos, Adobe Photoshop® หรือ Adobe Lightroom®

การตัดต่อภาพอาจเป็นกระบวนการที่ใช้เวลามาก ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการจะแก้ไขอะไรในรูปถ่ายเหล่านั้น ขั้นตอนนี้จำเป็นในการคัดแยกภาพดีๆ ออกจากภาพที่คุณไม่ต้องการเก็บไว้ ถ้าคุณไม่ต้องการจะทิ้งภาพใดไป คุณก็สามารถถ่ายโอน “ภาพที่คัดออก” เหล่านี้ลงในไดรฟ์แบบพกพาเพื่อนำมาพิจารณาอีกครั้งในภายหลัง

 

4.     จัดระบบ สำรองข้อมูล และเก็บถาวร

เมื่อคุณทบทวนและตัดต่อรูปถ่ายของคุณแล้ว คุณจะต้องจัดเรียงรูปถ่ายเหล่านั้น แยกออกเป็นโฟลเดอร์ และตั้งชื่อไฟล์เพื่อให้ดึงมาใช้ในภายหลังได้ง่าย ถ้าคุณเบื่อที่ต้องทำขั้นตอนนี้เอง คุณสามารถเปลี่ยนไปใช้แอปพลิเคชันอื่นๆ เช่น  Apple Photos, Google Photos™, Microsoft Photos, Adobe Photoshop® หรือ Adobe Lightroom® ซึ่งสามารถตั้งค่าการทำงานหลายอย่างให้เป็นแบบอัตโนมัติได้

แน่นอนว่า คุณคงไม่ต้องการให้รูปถ่ายหลายร้อยใบมากินพื้นที่ในคอมพิวเตอร์ของคุณ และอาจทำให้กระบวนการทำงานของคุณล่าช้า ดังนั้น การสำรองข้อมูลงานของคุณไว้อย่างเป็นระบบจึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ค้นหาสิ่งที่คุณต้องการในภายหลังได้อย่างง่ายดาย

กฎการสำรองข้อมูลของเรานั้นง่ายมาก คือ 3-2-1 สำเนาสามชุด เก็บไว้สองที่ และสำเนาหนึ่งชุดสำหรับการทำงาน เนื่องจากรูปถ่ายคือเครื่องมือหาเลี้ยงชีพของคุณ ดังนั้น ควรมีการสำรองข้อมูลไว้ 2-3 ชุดในที่ต่างๆ เพื่อให้คุณมั่นใจว่าภาพของคุณได้รับการเก็บรักษาไว้อย่างปลอดภัย ลองพิจารณาการใช้อุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเก็บรักษาคอลเลคชั่นผลงานต่างๆ ของคุณให้เข้าถึงได้ง่าย ดังนี้

การ์ดหน่วยความจำหรือธัมป์ไดรฟ์สำหรับปริมาณข้อมูลที่จำกัด

ไดรฟ์ HDD แบบพกพาเพื่อความจุที่สูงขึ้น

อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเดสก์ท็อป คลาวด์ หรือ NAS สำหรับการจัดเก็บข้อมูลปริมาณมหาศาล

5.     การส่งออกภาพ

ไม่ว่าคุณจะจัดเตรียมภาพสำหรับเว็บหรือสั่งพิมพ์ คุณจะต้องทำตามขั้นตอนการส่งออกภาพเหล่านั้น ซึ่งทำได้หลายวิธีด้วยกันคือ

  • หากต้องการสั่งพิมพ์ คุณสามารถคัดลอกภาพขั้นสุดท้ายลงในธัมป์ไดรฟ์หรือการ์ดหน่วยความจำเพื่อจัดส่งไปยังโรงพิมพ์ที่อยู่ห่างไกลได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ ผู้ค้าบางรายก็ให้บริการอัปโหลดขึ้น FTP สำหรับการถ่ายโอนแบบทันที
  • แชร์ภาพของคุณบนคลาวด์และเชิญคนอื่นๆ ให้ช่วยกันแชร์ภาพ หรือถ้าคุณมีภาพจำนวนมาก คุณก็สามารถคัดลอกภาพเหล่านั้นลงในไดรฟ์แบบพกพาเพื่อถ่ายโอนไปยังที่อื่นได้อย่างง่ายดาย
  • ภาพบนเว็บมักจะมีขนาดไฟล์เล็กกว่าและสามารถส่งทางอีเมลหรืออัปโหลดผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ไปยังเซิร์ฟเวอร์ระยะไกลได้ ไม่ว่าคุณจะเลือกแบบไหน อย่าลืมสำรองข้อมูลงานของคุณไว้ก่อน เผื่อในกรณีที่เกิดข้อผิดพลาดในการถ่ายโอน หรือไฟล์สูญหายหรือถูกลบไปโดยไม่ตั้งใจ

 

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ HDD, RAID และ NAS สําหรับการถ่ายภาพ

โซลูชันอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล RAID สําหรับการจัดเก็บข้อมูลรูปถ่ายและการสำรองข้อมูล

จัดเก็บไลบรารีรูปถ่าย ช่วยปกป้องคอนเทนต์ด้วยการสํารองข้อมูล และปรับปรุงประสิทธิภาพของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล

อ่านเพิ่มเติม

สำรองข้อมูลในคอมพิวเตอร์ที่บ้านได้อย่างง่ายดาย

หากต้องการสำรองข้อมูลในคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในครอบครัว ดูโซลูชันต่างๆ ในการทำให้การตั้งค่าพื้นที่จัดเก็บข้อมูล HDD นั้นเป็นเรื่องง่าย

อ่านเพิ่มเติม

NAS HDD เพื่อการจัดเก็บและแชร์รูปถ่าย

หากคุณเบื่อค่าธรรมเนียมการจัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ สำรวจทางเลือกระบบคลาวด์ที่คุ้มค่า

อ่านเพิ่มเติม

ถาม-ตอบสำหรับช่างภาพมืออาชีพ

การเปิดเผยข้อมูล
1. 1 TB = หนึ่งล้านล้านไบต์ ความจุในการใช้งานจริงอาจจะน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงาน 
2. มีผลกับ SanDisk Professional G-RAID SHUTTLE 8 ใน RAID 5 ที่เป็นค่าเริ่มต้น 1 MB/s = 1 ล้านไบต์ต่อวินาที อิงตามการทดสอบภายใน, ประสิทธิภาพการทำงานอาจต่ำกว่านี้ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์โฮสต์ เงื่อนไขการใช้งาน ความจุของไดรฟ์ การกำหนดค่า RAID และปัจจัยอื่นๆ
3. มีผลกับ SanDisk Professional G-DRIVE PROJECT และไดรฟ์เดสก์ท็อป G-DRIVE PRO เท่านั้น 1 MB/s = 1 ล้านไบต์ต่อวินาที อ้างอิงจากการทดสอบภายใน ประสิทธิภาพการทำงานอาจต่ำกว่านี้ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์โฮสต์ เงื่อนไขการใช้งาน ความจุของไดรฟ์ และปัจจัยอื่นๆ

เปรียบเทียบ